1. Wireless LAN : WLAN หรือ wireless local area network

2. Download  >>> การรับข้อมูลจากภายนอกเข้าสู่อุปกรณ์ภายในอุปกรณ์ของเรา

3. Upload      >>> การส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ของเราออกไปภายนอก ซึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับ Download

4. ความเร็วในการ Upload/Download   >>> คือความเร็วในการรับ-ส่งไฟล์ข้อมูล มีหน่วยเป็น bps (bit per sec) ค่ายิ่งมากยิ่งดี ซึ่งปัจจุบันจะพูนกัดเป็นระดับ Mb/s ( อ่านว่า เมกกะบิท เปอร์ เซ็ค ) หมายความว่า ส่งข้อมูล 1,000,000 บิตต่อวินาที

5. ความจุ,ปริมาณ ของข้อมูล มีหน่วยเป็น Byte (ตัวย่อใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่เท่านั้น เช่น MB,GB )

6. เพิ่มเติมเรื่องความจุ,ปริมาณข้อมูล
     6.1 1byte =8bit หนึ่งตัวอักษร
     6.2 1KB =1Kilobyte =1024byte ประมาณพันตัวอักษร
     6.3 1MB =1Mega byte = 1048576byte ประมานล้านตัวอักษร
     6.4 1GB =1Giga byte =1073741824byte ประมาณหนึ่งพันล้านตัวอักษร

7. FUP : Fair Usage Policy >>> เป็นนโยบายสากลที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือนิยมใช้กันอยู่ทั่วโลก เป็นการป้องกันการใช้งาน Mobile Internet จำกัดความเร็วเน็ตในการดาวน์โหลดและอัพโหลดข้อมูลที่มีปริมาณมากๆ
    นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ใช้บริการ Mobile Internet ทุกคน ไม่ว่าจะใช้งาน 3G หรือ 4G สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นและได้ความเร็วเต็มประสิทธิภาพ
     หากว่าผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือไม่บังคับให้มี FUPจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการใช้งานของผู้ใช้งานส่วนที่เหลือที่ไม่ได้ใช้งานข้อมูลในปริมาณที่มากๆ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งาน Mobile Internet ลดลงทั้งระบบ
     บางท่านอาจคิดว่า FUP คือ ข้อเสียของการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์ไร้สาย แต่ก็ยังนับว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานรายอื่นๆ ให้สามารถตัดสินใจเลือกสมัครแพ็คเกจให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองได้

8. FDD : Frequency Division Duplex >>> โดยหลักการทำงานของ FDD คือ การแบ่ง คลื่นส่ง (downlink) และ คลื่นรับ (uplink) แยกออกเป็นคนละช่วงความถี่ทำให้สามารถรับและส่งได้ในเวลาเดียวกัน

9. TDD : Time Division Duplex ซึ่งหลักการทำงานของ TDD จะแตกต่างจาก FDD ตรงที่ คลื่นส่ง และ คลื่นรับ นั้นใช้คลื่นเดียวกัน แต่ว่าแบ่งช่วงเวลาในการรับ-ส่งข้อมูลแทน

10. GSM : Global System for Mobile Communications >>> ในชื่อเดิมว่า Groupe Spécial Mobile) เป็นมาตรฐานของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก


11. TDMA : Time-division multiple access >>> คือการแบ่งช่องเวลาออกเป็นช่องเล็ก ๆ และแบ่งกันใช้ ทำให้ใช้ช่องสัญญาณความถี่วิทยุได้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกมาก

12. CDMA : Code division multiple access  >>> คือ เทคโนโลยี ที่ใช้ในการส่งข้อมูลไม่ว่าจะเป็น DATA หรือ VOICE จากผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่คนหนึ่ง ไปยังอีกคนหนึ่ง โดยข้อมูลที่ส่งไปจะถูกเข้ารหัสต่างๆกันใน channel เดียวกัน ทำให้สามารถที่จะส่งข้อมูลจากหลายๆผู้ใช้งานใน channel เดียวกันได้

13. CDMA2000 : Code division multiple access2000 >>> เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายที่พัฒนามาจากเทคโนโลยี cdmaOne ให้มีประสิทธิภาพในการให้บริการเสียงและข้อมูลที่มีความเร็วสูงเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีในตระกูล CDMA2000 ประกอบด้วย CDMA2000 1X, CDMA2000 1xEV-DO และ CDMA2000 1xEV-DV

14. LTE : Long Term Evolution >>> เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ถูกนำมาทดลองใช้ในยุค 4G โดยเกิดจากความร่วมมือของ 3GPP (3rd Generation Partnership Project) ที่มีการพัฒนาให้ LTE มีความเร็วมากกว่ายุค 3G ถึง 10 เท่า โดยมีความสามารถในการส่งถ่ายข้อมูลและมัลติมีเดียสตรีมมิ่งที่มีความเร็วอย่างน้อย 100 Mbps

15. WiMax : Worldwide Interoperability for Microwave Access >>> เป็นเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูง โดยพัฒนามาจากมาตรฐาน IEEE 802.16

16. 3GPP : 3rdGeneration Partnership Project >>>คือหน่วยงานตามข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนารายละเอียดด้านมาตรฐานทางเทคนิค (Standards Development Organizations; SDOs) และการจัดทำรายงานต่างๆ ระหว่างองค์กรพัฒนามาตรฐานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้กันทั่วโลก

17. UMTS : Universal Mobile Telecommunication Systems >>> เป็นเครือข่ายในยุค 3G ที่มีพัฒนาการมาจากเครือข่าย GSM, GPRS และ EDGE ซึ่งหลาย ๆ ครั้งอาจเรียกได้ว่าเป็นเครือข่าย W-CDMA

18. W-CDMA : Wideband Code Division Multiple Access >>> (ค่ายยุโรป) คือระบบเครือข่ายมาตรฐานใหม่ที่พัฒนามาจาก GSM ครับ เป็นรุ่นที่ 3 ต่อจาก GSM หรือ 3G นั่นเอง​ ^^~ เครื่องไหนที่รับรองรับเครือข่าย WCDMA ก็หมายความว่ารองรับ 3G

19. IEEE : Institute of Electrical and Electronics Engineers >>> คณะกรรมการมาตรฐาน IEEE ได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นในปี 2542 เพื่อพัฒนามาตรฐานสำหรับบรอดแบนด์เครือข่ายไร้สายในเขตเมืองใหญ่ โดยกำหนดมาตรฐานการสื่อสารข้อมูลบนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานสำหรับเครือข่ายไวเลสแลนขึ้น คือมาตรฐาน IEEE802.11

20. IEEE 802.16 : Wireless Metropolitan Area Network (WMAN) >>> ได้กล่าวกันมาตั้งแต่ปี 2002 กำหนดมาตรฐานให้กับการสื่อสารไร้สายให้เป็นลำดับขั้นต่างๆ เช่น 802.11a, b/g (WLAN) ที่เราคุ้นกับคำเรียกที่ว่า Wi-Fi กันมากกว่า 802.15 สำหรับเครือข่ายการสื่อสารส่วนบุคคล (PAN) ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน อย่าง Bluetooth จนมาถึงมาตรฐานที่กำลังจะมีให้ใช้งานอย่าง IEEE 802.16 ที่มีการตั้งคอนเซปต์เอาไว้ว่า First miles/Last miles ซึ่งเป็นเทคโนโลยีไร้สายที่เชื่อมต่อไปยังผู้ใช้งานได้ในระยะไกลถึง 40 กิโลเมตรตามทฤษฎี ซึ่งชื่อทางการค้า ก็จะเรียกว่า WiMax ซะส่วนใหญ่